กาลละครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ธอร์ในขณะยังเยาว์วัยได้พบศพของหนึ่งเทพแห่งอเมริกา
ปัจจุบัน ธอร์พบว่าอาณาจักรของเทพต่าวดาวได้กลายเป็นโรงชำแหละ
และในอนาคต ธอร์ที่อาวุโสต้องประทะกับเหล่าสัตว์ร้ายที่มาต้องการสังหารเขา เทพองค์สุดท้ายของแอสการ์ด
บางอย่างกำลังฆ่าเหล่าเทพ……และขณะนี้มันกำลังมาหาธอร์
นานมาแล้ว…ในคลังอาวุธของแอสการ์ด
ทำมาจากเหล็กอุรุ หลอมด้วยไฟแรงขนาดละลายดวงอาทิตย์ได้ สร้างด้วยฝีมือยอดช่างคนแคระ และลงคาถาโดยจอมเทพโอดิน อาวุธทีมีอำนาจที่สุดในเก้าโลก และผู้ที่เหมาะสมเท่านั้น ถึงจะใช้มันได้
ข้า ผู้ที่สยบมังกรด้วยมือเปล่า ผู้ปราบหมาป่าตัวใหญ่กว่าเรือรบ สู้ศึกมามากกว่าเทพอายุมากกว่าข้าสองเท่า ข้าต้องทำอะไรอีกถึงจะได้เป็น –ผู้ที่เหมาะสม-
สักวันนึง Mjolnir เจ้าจะต้องเป็นของข้า และวันนั้น ศัตรูของธอร์จะต้องกำราบ…
ปี 893 ก่อนศริสตการ์ณ ทะเลบอลติค
ชาวไวกิ้งค์ของข้า รู้สึกหวาดระแวงเนื่องจากหมอกลง พวกเขาเริ่มพายเรื่องช้า
ข้าบอกพวกเขาว่าไม่ต้องกลัว ข้านั้นได้ผ่าฟันพายุไฟแห่งMusplehelmแดนแห่งปีศาจเพลิง และมรสุมน้ำแข็งนิรันต์แห่งNifflehelmของเหล่ายักษ์หิมะมาแล้ว หมอกแห่งMidgardโลกของมนุษย์ไม่ทำให้ข้าต้องเป็นห่วง ข้าบอกพวกเขาว่า อย่ากลัวไป เหล่าไวกิ้งค์ พวกเจ้ามีทางตาของเทพนำทาง..
แต่พวกเขาได้พูดถึง ร่างในหมอก…สิ่งนั้นเดินอยู่บนน้ำ และมันมีมีหน้า….ที่ไม่ใช่หน้าคน
คำนั้นๆได้ทำให้ข้านึกถึงคืนนั้น…ที่ข้าพบศพของเทพจากต่างแดน…และร่างลึกลับที่เด็กนั้นเห็นบนน้ำ…
ข้าได้สั่งชาวเรือของข้าว่าพวกเขานั่นไม่สมควรจะมีความกลัวให้เสียที่เกิดมาเป็นไวกิ้งค์ ให้กลับไปพายเรือและหุบปากเรื่องไร้สาระสะ และผู้ขัดขืนจะได้ลิ้มรสขวานJarnbjornของข้า…
แต่ข้าแอบสั่งต้นเรือให้บอกฝีพายให้พายช้าลงอย่างระมัด…เพราะข้าเองรู้สึกถึงสิ่งไม่ปรกติเช่นเดียวกับพวกเขา
ในหมอกนั้น “ข้าได้กลิ่นเนื้อของเทพ …นำข้าไปเทพน้อยเอ้ย………นำข้าไปหาพวกของเจ้า….“
สามวันต่อมา ในแดนที่วันหนึ่งจะถูกเรียกว่ารัสเซีย
ข้าต้องยั้งชาวไวกิ้งจากความกระหายเลือดชาวสลาฟไว้ เพราะข้าได้ยินว่าหากมาที่นี่ข้าจะได้ประทะเทพของพวกเขา
“ชาวแม่น้ำ เทพที่สาบานจะปกป้องพวกเจ้าไปไหน หากพวกเขาไม่ขี้ขลาด เรียกพวกเขาลงมาให้มาเผชิญหน้ากับธอร์”
พวกสลาฟได้บอกว่าเมื่อPerunเทพพายุและChernobogเทพทมิฬได้ขี่ม้ามีปีกของพวกลงมา ขวาญทองและสายฟ้าจะทำให้ข้าต้องถอนคำดูถูกนั้น….ในขณะนั้นเอง บนฟ้า…
ม้ามีปีกได้ลงมาจริง แต่ตัวมันเปื้อนเลือด…และมันไม่มีผู้บังคับ…
ข้าได้ทิ้งเหล่านักรบทั้งสองเชื่อชาติให้ประทะกัน และขึ้นม้าไป ระหว่างที่ผ่านท้องฟ้า ฝนตก…ตกลงมาเป็นเลือดของเทพ..
เทพที่ควรอมตะได้ตายบนฟ้านี้ และดูเหมือนฝนโลหิตนี้พึ่งเริ่ม….
ม้าสีดำสนิทของChernobogได้บินผ่านข้าไป ร่างของเทพที่ใส่เกราะดำได้ผ่านข้าไป…ร่างที่ไร้ศรีษะ
ใครสักคนกำลังขัดขวางวันที่ควรจะสนุกของข้า
เทพของชาวสลาฟอาจจะทะเลาะและฆ่ากันเอง ข้าเคยเห็นเทพฆ่ากันเนื่องจากแย่งการตั้งชื่อวัน
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้ารู้สึกได้ มันเป็นความรู้สึกเดียวกับที่ข้าเคยสัมพัสคืนนั้นที่ไอซ์แลนด์
ข้ารู้สึกเหมือนกับที่หมูป่าคงจะรู้สึกเมื่อหอกของนักล่ากำลังจะเข้าหัวของมัน
เหมือนสัตว์ที่พึ่งรู้ตัว
ว่า…กำลังถูกล่า
” รู้สึกไหม เจ้าชายแห่งสวรรค์ ความรู้สึกที่ไร้ความหวัง ที่ไม่สามารถทำอะไรขณะที่ตัวเองกำลังตกจากฟ้า…นั่นคือสิ่งที่คนธรรมดารู้สึก…ต่อจากนี้เจ้าจะได้รู้สึกว่าเป็นอย่างไร….เมื่อเจ้าถูกชำแหละ”
โชคดีเหลือเกินที่ม้าสีดำได้มารับข้าไว้และ ข้ารวบรวมความกล้าและมุ่งไปเผชิญหน้ากับผู้ชำแหละเทพ
“อา…เจ้าเป็นนักสู้….ข้าชอบนักสู้ เทพน้อยเอ้ย เจ้าไม่รู้หรอกนะว่ามีเทพกี่องค์ที่ตายในขณะที่กลัวเหมือนเด็ก”
ข้าประกาศไปว่าข้าคือธอร์ ผู้อาศัยอยู่บนเมฆ เทพแห่งแอสการ์ด และเป็นนักรบมาตั้งแต่กำเนิด..
และข้าจะเป็นเทพสุดท้ายที่มันได้เห็น…
แต่นั่นเหมือนจะทำให้มันขำ…
“เทพแอสการ์ดรึ….เจ้าจะเป็นเหยื่อชาวแอสการ์ดคนแรกของข้า…แต่ไม่ต้องกลัวเหงา…ข้าจะส่งทั้งแอสการ์ดไปหาเจ้า…เมื่อข้าจัดการเจ้าแล้ว”
เมื่อข้ามองไปในตาของฆาตกรเทพนี้ ข้านึกถึงสายอันเย็นชาคล้ายกันอีกคู่ ตาของเทพคลั่งแพ่งหลุมลึก ตอนนั้นข้ายังเด็กอยู่เมื่อ Dagr ได้เกิดคลั่งและได้ไล่ฆ่าทุกสิ่งที่เขาเห็นในเก้าโลก เขาได้ฆ่าเป็นร้อยก่อยที่จะจับเขาไปขังในหลุมลึกได้
แต่ข้ายังสับสน
แม้ว่าตอนนั้นข้ายังพึ่งจะเดินได้ แต่ข้าได้เห็นพ่อของข้า จอมเทพโอดินกลับมาจากหลายศึก โชกด้วยเลือดของศัตรูหลายพัน
ข้าสงสัยว่าเหตุใดพ่อของข้าจะได้รับการสรรเสริญในขณะที่เทพผู้คลั่งถึงถูกลงโทษ
โอดินได้กล่าวว่านั้นคือ การสงคราม และนักรบที่แท้จริงจะไม่หมดหมุ่นอยู่กับความยินดีในการสังหารศัตรู
เพราะนั่น…การกระหายเลือดจะทำให้กลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน
แต่ข้ายังข้องใจ คืนนั้นข้าจึงแอบไปดูเทพคลั่งแห่งหลุมลึก….
ข้าแค่ต้องการมองหน้าของเขา…เพื่อให้เห็นว่าสายตาของฆาตกรนั้นต่างจากนักรบอย่างพ่อข้าจริงหรือไม่
ข้าได้พยายามมองลงไปในหลุมลึกที่เหมือนไม่มีก้นนั้น
แต่ข้าได้ก้าวพลาด เท้าลื่น และข้าได้ตกลงไปในความมืดมิด
ข้าได้เห็นตาเขาสมใจ แต่ตาของเขาไม่ได้บ้าคลั่งอย่างที่คิด มันดูสงบและนิ่งจนน่าตกใจ ข้าเตรียมปกกันตัวด้วยแรงอันน้อยนิด
แต่…เทพคลั่งนั่น…ไม่ได้ทำอะไรนอกจากพูด…
ในเสียงอันอ่อนโยน เขาได้เล่าถึงสิ่งที่เขาทำ ว่าเขาทำกับใคร ทำอะไร และ ทำไม….
ข้าข้องใจก็แต่ –ทำไม- แต่เขาพูดถึงสาเหตุด้วยความตั้งใจจนข้าโทษตัวเอง
เขาเล่าว่าได้ฆ่าเด็กตัวไม่ใหญ่กว่าข้า…แม้กระทั่งทารก แต่เขาไม่ได้แม้จะแตะตัวข้าเลย
แต่สายตาของเขา ช่างมืดหม่นและเย็นชา จนผู้ถูกจ้องรู้สึกเหมือนตายไปแล้ว…
ข้าอยู่ในหลุมนั้น5ชั่วโมงก่อนที่จะมีใครมาพบ
วันต่อมา โอดินได้ตัดหัวเทพฆาตกรองค์นั้น ไม่มีคำขอโทษหลุดออกจากปาก หัวของเขายังยิ้มด้วยความภูมิใจในสิ่งที่ทำไป ทุทุกดนเชื่อว่าเขาบ้า
แต่ข้าเท่านั้นที่รู้ความจริง ความที่ที่น่ากลัวกว่ามาก
ข้าหลับไม่ได้ไปหลายอาทิตย์ ถูกหลอกหลอนด้วย เสียงนั้น…สายตานั้น ข้าได้ภาวนาให้ข้าไม่ต้องมองสายตาอย่างนั้นอีก แต่เหมือนกับคำภาวนาทั่วไป ….ไม่มีใครได้รับฟัง ..ตอนนี้ข้าได้มองสายตาเยี่ยงนั้นอีกครั้ง..
“เจ้าไม่เคยสู้กับใครที่ไม่เกรงกลัวเจ้าละสิเจ้าเทพแอสการ์ด ไม่เคยสู้กับใครที่กล้ามองแกด้วยความทุเรศกับทุกสิ่งที่แกเป็น”
ข้าตอบกลับว่าแม้ข้าจะคุ้นเคยกับการสู้แต่กับนักรบ..แต่ข้าเคยมองสิ่งที่เหมือนมันมาแล้ว….
“ข้ายังสงสัยอยู่ เทพน้อย เจ้าเป็นเทพแห่งอะไรกัน…ขวานรึ…หรือเทพแห่งความหยิ่ง…หรือสงคราม…ข้าฆ่าเทพสงครามมาหลายรายละ และเทพแห่งความกลัว..เทพแห่งความตาย….เทพแห่งกลอนและกวีนั้นไม่ค่อยได้เจอ แต่ข้าก็เคยฆ่ามาแล้ว
บอกข้าหน่อยสิ เทพน้อย..เจ้าเป็นเทพแห่งอะไร..”
ด้วยลมหายใจอันอ่อนแรง..ข้าได้ตอบว่า “ส…สายฟ้า!! ”
ปัจจุบัน ในอวกาศส่วนลึก โลกของเทพที่ตายไปแล้ว
ใช้เวลานานแต่ข้าก็ล้มสัตว์เลี้ยงของผู้ชำแหละเทพสำเร็จ หากเขาสามารถสร้างสิ่งเงาที่มีชีวิตเองอย่างนี้
พลังของมันได้เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งการประทะกันหนที่แล้ว
ข้าได้กล่าวไว้อาลัยกับเหล่าเทพของอินดีการ์ สาบานจะไล่ตามฆาตกรให้สำเร็จ และเริ่มตามหามัน
โดยตามศพของเหล่าเทพที่ถูกมันฆ่า
ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไร ข้าจะจัดการมันให้ได้
“ไปmjolnir พาข้าไปยังคลังความรู้สุทธิ์..หากเราช้า จำนวนเทพที่จะต้องรับเคราะห์ก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย”
-จบ Thor: God of Thunder #2-