รีวิวโดย แอดจึ๋ง Marvel Thailand Fanpage
หนัง fantastic four ภาคนี้ในช่วงแรกนั้นเป็นหนึ่งในหนังที่ผมมีความหวังมาก เพราะได้ผู้กำกับไฟแรง Josh Trask ที่พึ่งผ่านผลงาน Chronicle มา ซึ่ง Chronicle นั้นเป็นการจับหนังแนวฮีโร่มาวิเคราะห์ตีความใหม่ และทำออกมาได้น่าสนใจมากๆ นอกจากนี้นักแสดงแต่ละคนนั้นมีฝีมือทั้งนั้น Miles Teller, Jamie Bell, Michael B Jordan และ Kate Mara ทุกอย่างนั้นดูมีความหวังมาก
แต่ต่อจากนั้นปัญหาต่างๆก็เริ่มตามมา
การสร้างหนังดำเนินไปด้วยความเงียบกริบ ไม่มีภาพหรืออะไรถูกปล่อยอกมาจาก Fox และก่อนที่แฟนๆจะรู้ตัวกัน เราก็ได้เห็นเหล่านักแสดงออกมาประกาศว่าถ่ายทำเสร็จแล้ว!? และระหว่างนั้นมีข่าวลือทางลบออกมามากมายเกี่ยวกับการทำงานของ Josh Trankผู้กำกับ และถึงขนาดว่า Foxต้องการจะปลดเขาออกและส่ง Simon Kinberg ที่เป็น Producers มา”ซ่อม” หนัง
แต่ดูเหมือนทางผู้สร้างและนักแสดงจะไม่สนใจความรู้สึกของแฟนๆคอมิคเลย เพราะ Simon Kinberg ได้บอกว่าหนังจะออกมา “ดาร์ค” และ “สมจริง” มากว่าฉบับอื่นๆที่เคยเห็นมา และ Kate Mara บอกว่า ผกกห้ามไม่ให้นักแสดงอ่านคอมิค Fantastic Four เพราะหนังจะไม่อ้างอิงใดๆในหนังสือ, Toby Kebbel ผู้เล่นเป็น Dr Doom ยังออกมาเล่าว่าเขาเป็น Blogger/programmer ชื่อ Victor Domashev
แต่มันยังไม่จบลงเท่านั้น ข่าวลือจากกองถ่ายออกมาว่า ผกกนั้นไม่ทำตัวเป็นมืออาชีพสะเลย มาทำงานบ้างไม่มาบ้าง และเมื่อผู้ตัดต่อหนังถูกถามว่าทำไมสตูดิโอถึงยังไม่ปล่อยอะไรออกมายั่วน้ำลายเลย เขาก็บอกว่า “ไม่รู้สิ ผมว่าหนังมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ”
แต่ในที่สุดต้นปี 2015 teaser trailer ก็ถูกปล่อยมาทำให้แฟนๆโล่งใจได้สักพัก ก่อนที่ Josh Trank “ลาออก”จากการเป็นผู้กำกับหนึ่งใน Spin off ของ Star wars และข่าวว่ามันมาจากผลของการกระทำของเขาในกองถ่ายของ Fantastic Four.
และในที่สุดข่าวสุดท้ายที่ทุกคนกลัวก็มา Foxได้สั่งห้ามทุกสื่อลงรีวิวก่อนวันที่4สิงหา(3วันก่อนหนังฉาย) ซึ่งเป็นเทคนิคท่จะใช้กับหนังที่ออกมาไม่ได้ เพื่อกันกระแสติดลบไปกระทบกับรายได้หนัง
ตัวหนัง…สปอยล์นะจ้ะ
แอดจึ๋งได้รับบัตรไปดูหนังรอบสื่อก่อนที่หนังจะเข้าฉาย แต่ตัดสินใจด้วยเหตผลต่างๆที่จะไม่ไปดูรอบนั้น โดนหนึ่งในสาเหตคือการต้องการที่จะได้เขียนรีวิวอย่างแฟร์ๆ เหมือนกับผู้เสียตังค่าตั๋วไปดูทั่วไป แต่ระหว่างนั้นรีวิวที่ปรากฏออกมา รวมทั้งจากแอดมินคนอื่นในเพจก็ออกมาในทางที่ไม่ดีทั้งนั้น
ตัว Fantastic Four นั้นเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องของ Reed Richards อัจฉริยะวัยน้อย ผู้ที่ไม่ว่าทางบ้านหรือโรงเรียนก็ไม่เห็นความยอดเยี่ยมของเขา ยกเว้นBen Grimmเพื่อนคนเดียวที่เหมือนจะเป็นคนละขั้วกับเขาเลยทีเดียว ในช่วงแรกนั้น เราเห็นได้ชัดว่า ผกกต้องการสื่อว่าทั้งสองขาดกันไม่ได้ Reed เป็นเหมือนสมอง และ Ben นั้นเป็นกล้ามเนื้อ และ Ben เห้น Reed เป็นคนที่จะสามารถทำอะไรที่สุดยอดได้ และเขาพยายามจะทำทุกอย่างเพื่อให้เพื่อนรักของเขาจะได้ทำสิ่งที่เขาควรจะได้ทำ แม้ตัวเขาเองจะตกอยู่ที่เดิม กับอาชีพขายเศษเหล็กก็ตาม
ต่อมา Reed และ Ben ได้ทำโปรเจ็คส่งสิ่งของผ่านteleportationสำเร็จ และได้ดึงความสนใจจาก Franklin Storm และลูกสาว Sue Storm ผู้ที่กำลังทำโปรเจ็คเดียวกันอยู่แต่ยังติดอยู่ที่นำสิ่งของกลับมาไม่ได้ และต้องให้ Reed ไปช่วยที่ Baxter Foundation และทำการส่งมนุษย์ไปสำรวจมิติอื่นๆให้สำเร็จ
เรายังได้เจอตัวละครอีกสามคนนั่นคือ Harvey Allen(ตอนแรกในบทใช้ชื่อ Harvey Elder หรือMole Man ในคอมิค) ผู้คุมโปรเจ็ค Johnny Storm ลูกแท้ๆของ Dr Storm ผู้คลั่งไคล้ในความตื่นเต้น และการสร้างสิ่งของต่างๆ เขาอาจจะไม่ใช่อัจฉริยะอย่าง Sue หรือ Reed แต่เขาก็มีความสามารถมากกว่าคนทั่วไป และเราเจอ Victor Von Doom ผู้ที่เคยทำโปรเจ็ค Teleportationมาก่อน แต่มีปัญหาและถูกไล่ออกไป
ช่วงนี้เองทำให้เห็นจุดอ่อนของหนังสิ่งแรก ทุกอย่างเกิดขึ้น”ง่าย”ไป ไม่มีการอธิบายว่าทำไม Franklin ถึงรู้ว่าจะต้องมาหา Reed? ทำไม Victor ถึงมีปัญหาจนถึงขั้นทำลายโปรเจ็ค และทำไมเขาถึงยอมกลับมาทำอีกครั้ง… หนังไม่ได้อธิบายเรื่องเหล่านี้ไว้ดีพอ เราไม่รู้แน่ชัดว่าทำไมHarvey Allen ถึงสั่งงาน Dr Stormได้
แต่หนังช่วงนี้ยังน่าสนใจอย่างมากความสันพันธุ์ระหว่าง Ben กับ Reed เป็นจุดเด่นมากๆของหนัง และ Sue กับ Reed ก็มีฉากกน่ารักๆเข้ามา แต่นั่นเองก็ทำให้ Johnny ดูเหมือนเป็นส่วนเกิน ส่วนDoom นั้นแสดงความสนใจ Sue แต่นอกจากนั้นไม่มีเหตอะไรที่จะทำให้เขาเกลียดชัง Reed เลย ทั้งหมดยังร่วมงานกันได้ดีอีก แต่ Toby Kebbel ได้ใช้ความสามารถในการแสดงของเขาช่วยกู้ตัวละครที่บทน้อยนี้ไปได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนพูดถึง Neil Armstrong)
หลังจากที่การสร้างเครื่อง Teleportationสำเร็จ และทางทหารได้ยึดโปรเจ็คไป หนุ่มๆทั้งสามคนก็เข้าวงกินเหล้าปลอบใจกันเอง และทั้งสามตัดสินใจจะใช้เครื่องกันก่อนที่ถูกยึดไป และ Reed ได้โทรเรียก Ben มาร่วมเดินทางด้วย
แล้ว Sueล่ะ…เธอถูกกลุ่มนั้นลืม ไม่มีใครสนใจหนึ่งในผู้ร่วมสร้างโปรเจ็คนี้มาแต่ต้นเลย เพราะอะไร เพราะเธอไม่ใช่ Bros? เพราะเธอน่าเบื่อ? เพราะเธอไม่เมา?
หลังจาก Reed, Johnny, Doom และ Benไปถึง Planet Zero มีแต่ Ben กับ Johnny ที่มีความระแวง และรอบคอบพอที่จะไม่พุ่งเข้าไปตรวจสอบสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จัก แต่สองคนที่ฉลาดที่สุด ดันทำสิ่งที่โง่ที่สุด โดยที่ไม่สนใจผลที่จะตามมา Doomได้เอามือไปแตะแหล่ง”พลัง” และนั้นทำให้ทั้งPlanet zeroเกิดปฏิกริยา และทำให้ทั้งสี่นั้นต้องหนีกลับไปยังเครื่อง Teleport
Reed พยายามจะช่วยDoomแต่ไม่สำเร็จก่อนที่จะตกลงไปในบ่อพลัง Ben ถูกหินกระแทกใส่ในขณะที่กำลังกลับเข้าเครื่อง Teleport, Johnny ถูกไฟไหม้ ก่อนที่ Sue จะช่วยทุกคนไว้และ Teleportพวกเขากลับมา แต่เธอก็ถูกลูกหลงพลังจากเครื่อง Teleportation ไปด้วย
และช่วงต่อไปนี้เป็นที่ทำให้ผมเจ็บใจกับหนังเรื่องนี้ที่สุด
เมื่อทุกคนกลับมาบนโลก
Reed ฟื้นขึ้นมาและเขาพยายามจะไปช่วย Ben ผู้ที่ร้องขอความช่วยเหลือ เพราะเขาถูกกองหินทับอยู่…แต่ตัวเขาเองถูกเหล็กทับขา แต่เขาไม่ยอมแพ้…เข้าต้องช่วยเพื่อนเขาให้ได้….ในที่สุดเขาก็ขยับได้….แต่ขาเขาไม่ได้หลุดจากใต้เหล็ก และมันยืดออก… เขาสลบไป
ตื่นขึ้นอีก Reed พบว่าเขาถูกยืดแขนขาอย่างเต็มที่ และกำลังถูกทดลองอยู่ เขาพยายามถามหาเพื่อนของเขา…เราได้เห็น Sue ที่หายตัวไปมา เพราะเธอคุมพลังไม่ได้ และJohnny กำลังตกใจอย่างเต็มที่หลังจากพบว่าตัวเขาเองติดไฟ Reedได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากBen และนั่นทำให้เขาทนความเจ็บปวด และพยายามไปหาเพื่อนเขา
และเขาพบว่า Ben เพื่อนสนิทของเขาไม่ได้แค่ถูกขังอยู่ใต้หิน แต่เขานั้นกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่กลายเป็นหินมีชีวิต Reed ตกใจและรู้สึกผิด เขากล่าวขอโทษ Ben และสัญญาว่าเขาจะแก้นี้ให้ได้ แต่เขาตัดสินใจหนีออกจากฐานไป แม้ว่า Ben จะขอร้องว่าไม่ให้ทิ้งเขาไป
ทำไมถึงเจ็บใจกับฉากนี้นะเหรอ? ในชีวิตของผมได้ดูหนัง Superheroมาหลายเรื่องมาก….และส่วนใหญ่มันห่วยสนิทไม่ว่าจะเป็น Swamp-thing, Steel, Punisher แต่ Fantastic Four นี่ต่างออกไป มันไม่ใช่หนังห่วยสนิท….ฉากที่พึ่งเล่าไปนั้นมันเป็นฉากที่สุดยอดมาก และในความหวังของผมคือการที่จะได้เห็นหนังเรื่องนี้ทำมาสมจริงและมีความสัมพันธุ์ระหว่างตัวละครที่ซับซ้อนทางอารมณ์ได้แบบนี้ และที่เจ็บใจคือหลังจากฉากที่น่าประทับใจฉากหนี…ทุกอย่างก็ดิ่งลงเหวไป
ตัดฉากมาหนึ่งปีให้หลัง เราพบว่า Ben นั้นถูกทางกองทัพใช้เป็นอาวุธ(และเราได้เห็นจากจอว่าเขามีการฆ่าคนไปถึง43คนแล้ว)และกับการสัญญาว่าเขาจะได้รับการรักษา(และถูกเป่าหูว่า Reed หนีไปเพื่อเอาตัวรอดคนเดียว) Johnny ได้ฝึกพลังของเขาและกำลังตื่นเต้นที่จะได้ทำหน้าที่เหมือน Ben ในขณะที่ Sueนั้นพยายามชักจูงเขาว่าการเป็นอาวุธไปฆ่าคนนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ดี ตอนนี้ทั้งสองคุมพลังได้ด้วยชุดcontainment suit(ใครสร้าง?)
Reedนั้นหนีไปทั่วโลกและเข้าพยายามสร้างเครื่องเทเลพอร์ทที่ใช้สำหรับคนเดียว ก่อนที่ชื่อemailของเขาบอกใบ้ให้ Sue หาตัวเขาเจอ และทางทหารก็ได้ส่ง Ben ไปจับตัว Reed กลับมา และก่อนที่จะอธิบายทัน Ben ก็จับ Reedได้สำเร็จ และทั้งสองได้แชร์ฉากในเครื่องบินที่กำลังบินกลับฐาน
Ben:นายทิ้งชั้นไป
Reed:ชั้นขอโทษชั้นสัญญาจะรักษานาย
Ben:ไม่มีใครรักษาชั้นได้
แต่หลังจากหนังไม่มีการพูดถึงความท้อแท้สิ้นหวังของ Benอีกเลย และเพื่อนทั้งสองคนดูเหมือนจะกลับมาคืนดีกันเรียบร้อย
Reedกลับมาและได้ช่วยปรับปรุงเครื่อง Teleportที่ทหารกำลังสร้าง (ยอมให้ทำง่ายไปไหม ยอมร่วมมือง่ายไปไหม)
และเมื่อเหล่านักวิทยาศาสตร์ไปถึง Planet Zero, เจอDoomที่เดินมาหาพวกเขา และล้มลงพวกเขาจึงพา Doomกลับมา (ตอนนี้Doomกับชุดอวกาศของเขาถูกเชื่อมติดกันไม่มีทางแยกได้) และเมื่อมาถึงเขาก็ได้ไล่ฆ่าทุกคนที่อยู่ในฐานเพราะอยากกลับไป Planet zero(แล้วเดินมาหาพวกนี้ทำไมฟะ)และนั่นทำให้อยู่ดีๆกรงที่ขัง Reed อยู่ก็ปล่อยเขาออกมา Johnny, Sue และ Ben ก็ออกมาเช่นกัน…ทุกคนพยายามหาว่าเกิดอะไรขึ้น….ก่อนที่จะไปเจอ Doom ฆ่า Franklin และกลับ Planet Zeroไปและใช้พลังของเขาสร้างเครื่อง Teleport ออกมาจากหิน และใช้มันสร้างBlack Holeที่ดูดทุกสิ่งไปยัง Planet Zero และทีมของเราก็ถูกดูดไปด้วย ทั้งสี่คนพยายามหยุด Doom แต่ทำอะไรไม่ได้จน Reed บอกว่าทุกคนต้องรวมพลังกันและพวกเขาก็จัดการDoomได้สำเร็จ
ช่วงหลังจากการข้ามเวลามา1ปีนั้น สับสนมากมาย ตัวละครนั้นทำอะไรที่ไม่มีเหตุผลและขัดกับเนื้อหาที่เกิดขึ้นในตอนแรก บางฉากนั้นชัดเจนมากว่ามีการถ่ายทำใหม่ (ให้ดูจากผมของ Kate Mara ที่เปลี่ยนมาใช้วิกในฉากที่ถ่ายทำใหม่)
มันน่าหงุดหงิดจริงๆที่หนังครึ่งหลังเป็นอย่างนี้มันเหมือนกับผู้สร้างไม่สนใจคนดู และทำอะไรก็ได้ให้หนังมันเสร็จและออกฉายได้ สงสารนักแสดงชุดนี้มากที่อาจจะถูกหนังเรื่องมาขัดจังหวะดีที่พวกเขาจะมีโอกาสก้าวหน้าไปในอนาคต
สรุปสั้นๆ หนังนั้นดี ถึงดีมากในช่วงแรก แม้เนื้อเรื่องจะอ่อนไปบ้างบางจุด แต่มันยังมีความน่าสนใจอยู่มาก แต่ก็แสดงได้ชัดเจนว่า Trankนั้นยังขาดบทที่ดี และประสบการ์ณที่จะควบคุมหนังของเขาเอง
ครึ่งหลังมันเละเทะไปหมด ไม่มีเหตผล ไม่มีความสมจริง ถูกตัดต่อมั่วไปหมด โดยเฉพาะตอนจบ
คะแนน 7/10สำหรับครึ่งแรก และ 2สำหรับช่วงหลัง คะแนนเฉลี่ย 4.5/10 ได้โปรดเถอะ อย่าทำภาคสองเลย เพราะนักแสดงเองเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้มีความสุขในการสร้างหนังเรื่องนี้และการนำคนที่ไม่สมัครใจมาแสดงนั้น จะยิ่งทำให้หนังห่วยลงไปอีก